Tuesday, December 7, 2010

A Happy Death

ราสโคนิคอฟ​ ​ตัวเอกของนิยายเรื่อง​ Crime and Punishment เป็น​ฆาตกร​ ​ส่วน​นิยายเล่มแรกของอัลแบร์​ ​กามูส์​ A Happy Death ก็ ​เป็น​เรื่องของตัวเอกที่​เป็น​ฆาตกรอีกเช่น​กัน​ ​หนังสือสองเล่มนี้​เกี่ยวข้อง​กัน​อย่างไร​ ​กามูส์คือหนึ่ง​ใน​นักเขียนอัตถิภาวนิยม​ ​ซึ่ง​สืบทอดปรัชญานี้มา​จาก​ดอสโตเยฟสกี้​ ​และ​นิทเช่​ ​ทำ​ไมนิยายอัตถิภาวนิยม​ถึง​ต้อง​มีตัวเอก​เป็น​ฆาตกร​ด้วย​ (The Stranger ผลงานชิ้นเอกของกามูส์​ ​ซึ่ง​เป็น​หนังสือพี่น้อง​กับ A Happy Death ก็มีตัวเอกฆ่าคนตายอีกเช่น​กัน) ​เพราะ​อัตถิภาวนิยมคือปรัชญาของปัจเจก​ซึ่ง​ต้อง​การฉีกตัวเอง​จาก​แบบแผน ปฏิบัติ​ ​ไม่​ว่า​แบบแผนปฏิบัติ​นั้น​จะ​อยู่​ใน​รูปแบบของวิถีประชา​ ​หรือ​ศีลธรรม​ ​และ​คง​ไม่​มีการกระทำ​ใด​อีก​แล้ว​ที่ทลายกำ​แพงศีลธรรม​ได้​อย่างชัดเจน​ เท่า​กับ​การลิดรอนชีวิต​ผู้​อื่น

ผมอยากชี้​ให้​เห็น​ความ​แตกต่างระหว่างนิยามสองเล่มนี้​ Crime and Punishment ถูกเขียน​ใน​ปี​ 1866 สมัยที่​ Thus Spoke Zarathustra ของ นิทเช่​เพิ่งถูกตีพิมพ์​ ​อัตถิภาวนิยม​ยัง​เป็น​ปรัชญาทารก​ ​ราสโคนิคอฟของดอสโตเยฟสกี้​ ​ก่อคดีฆาตกรรมเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของตัวเอง​ ​และ​สุดท้ายรับผลกรรม​จาก​การกระทำ​ดังกล่าว​ (นักวิจารณ์หลายคน​ “ติ” ​ตอนจบของ​ Crime and Punishment ว่าดอสโตเยฟสกี้ทำ​ลาย​ความ​เป็น​ปัจเจกของราสโคนิคอฟ​ ​โดย​ให้​เขา​กระ​โดดกลับ​เข้า​ไปหาอ้อมกอดของสังคม) กามูส์​เขียน​ A Happy Death ใน​ปี​ 1936 เมื่อ ชาวยุ​โรปคุ้นเคย​กับ​งานเขียนของนิทเช่​ ​และ​ดอสโตเยฟสกี้​เป็น​อย่างดี​ ​เมื่ออัตถิภาวนิยมกลาย​เป็น​ส่วน​หนึ่งของปรัชญากระ​แสหลัก​ ​เมอซัวต์​ ​ตัวเอกของ​ A Happy Death ฆ่าคนตายเพื่อชิงทรัพย์​ ​และ​ผลลัพท์​แห่งการกระทำ​ของ​เขา​คือ​ความ​สุข​ซึ่ง​เจ้าตัวปรารถนา

นิยายเล่มนี้​แบ่ง​เป็น​สอง​ส่วน​ Natural Death และ​ Conscious Death ส่วน ​แรกเล่าชีวิตอันไร้สุขของแพทริก​ ​เมอซัวต์​ ​เสมียนรับจ้าง​ ​ทำ​งานตัว​เป็น​เกลียว​ ​มีราย​ได้​พอ​อยู่​พอกิน​ ​ไม่​แร้น​แค้น​ยากจน​ ​แต่ก็​ไม่​มี​ความ​สุข​ ​อาจมีบ้างที่​เมอซัวต์หึงหวงริษยา​ ​หรือ​ปลาบปลื้มภาคภูมิ​ใน​เหล่า​แม่สาว​ซึ่ง​เขา​ควงไปไหนต่อไหน​ ​แต่​ ​"​เขา​มิ​ได้​ถูกสร้างมา​เพื่อ​ให้​รักใคร​เป็น"​ ​เมอซัวต์​ "ดั้งด้นตามหา​ความ​สุข​ ​ซึ่ง​ลึกๆ​ ​เขา​ทราบดีว่า​ไม่​มีวันตก​ถึง​มือ" ​แต่ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อมาธาร์​ ​ผู้​หญิงคนล่าสุดของ​เขา​ ​แนะนำ​ให้​เมอซัวต์รู้จัก​กับ​ซา​เกรียส​ ​ชายพิการ​ผู้​เป็น​คนรักเก่าของเธอ​ ​ซา​เกรียสสอนชายหนุ่ม​ให้​รู้ว่า​ ​คนเรา​จะ​มี​ความ​สุข​ได้​ก็ต่อเมื่อมี​เวลา​ ​และ​จะ​มี​เวลา​ได้​ก็ต่อเมื่อมี​เงิน​ ​วันรุ่งขึ้น​ ​เมอซัวต์​ไปหาซา​เกรียส​ ​จ่อปืนยิงศีรษะชายพิการ​ ​และ​ขโมยเงินทอง​ใน​ตู้​เซฟ

Conscious Death ว่า​ด้วย​ การ​ค้น​หา​ความ​สุข​ ​ขณะ​ความ​สุขของราสโคนิคอฟ​ ​คือ​ได้​ปลดเปลื้อง​ความ​ผิด​ซึ่ง​แบก​ไว้​ใน​ใจ​ ​แทบ​ไม่​มีสักครั้งที่​เมอซัวต์หวนระลึกบาปของตน​ ​ใน​โลกของเมอซัวต์​ ​(​และ​กามูส์) ​ราว​กับ​ว่าการสังหารคนพิการเพื่อแย่งชิงทรัพย์​ไม่​นับว่า​เป็น​สิ่งผิด เสีย​ด้วย​ซ้ำ​ ​เมอซัวต์​ไม่​ใช่​คนน่าคบหา​ ​หรือ​พระ​เอกแสนดี​ (กระทั่งมาวซัวต์​ใน​ The Stranger ​ยัง​ถูกมองอย่างน่า​เห็นใจ​ได้​ว่า​เขา​ตก​เป็น​เหยื่อวิถีประชา​ ​และ​กระบวนการยุติธรรม) ​แต่คนอ่านกลับเกลียดชายหนุ่ม​ไม่​ลง​ ​อาจ​เพราะ​สิ่งที่​เขา​ไขว่คว้า​ ​เจ้าตัว​ความ​สุข​นั้น​ ​คือสิ่งเดียว​กับ​ที่​อยู่​ใน​ใจเราทุกคนก็​ได้​

ทำ​ไมมนุษย์​ถึง​รู้จัก​ความ​สุข​ได้​ยากเย็นนัก​ ​เพราะ​ใน​โลกนี้​เต็มไป​ด้วย​หลายสิ่ง​ซึ่ง​ใกล้​เคียง​กัน​อย่างน่า​เศร้า ​ ​และ​น่าสับสน​ ​ระหว่าง​ความ​รัก​ ​และ​ความ​ปรารถนา​ ​ระหว่าง​ความ​สุข​ ​และ​ความ​อิ่มเอม​ ​เมอซัวต์บอก​กับ​เพื่อนว่า​ "มันผิดพลาดตั้งแต่​เธอคิด​จะ​เลือก​แล้ว​ละ​ ​ตั้งแต่​เธอคิด​จะ​ทำ​ตามใจตัวเอง​ ​ตั้งแต่​เธอเชื่อว่ามี​เงื่อนไขนำ​ไปสู่​ความ​สุข​ ​สิ่งเดียวที่สำ​คัญ​ ​สิ่งเดียวเลย​เท่า​นั้น​คือ​ความ​ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่​จะ​มี​ความ​สุข​ (will to happiness)​" ประ​โยคนี้สะท้อนคำ​พูดของนิทเช่​ ​สิ่งสำ​คัญ​ไม่​ใช่​ "อำ​นาจ" ​แต่​เป็น​ "ปราถนา​แห่งอำ​นาจ" (Der Wille zur Macht) เช่นเดียว​กัน​ที่​ Eric Fromm เคยพูด​ไว้​ใน​ The Art of Loving ว่าสิ่งสำ​คัญ​ไม่​ใช่​ ​"​ความ​รัก" ​แต่​เป็น​ "ปรารถนา​ใน​ความ​รัก"

ผม ชอบการสร้างฉากของนิยายเล่มนี้​ ​แม้​เต็มไป​ด้วย​รายละ​เอียด​ ​แต่​ไม่​รู้สึกว่ากามูส์จงใจปรุงแต่งภาษาสวยๆ​ ​เพียงเพื่อขับกล่อม​ผู้​อ่าน​ ​สิ่งแวดล้อมคือกุญแจสำ​คัญ​ใน​ปรัชญา​ความ​สุขตามแบบ​ฉบับ​กามูส์​ ​หลังก่อคดี​ ​และ​หลบหนี​ไป​อยู่​ปราก​ ​เมอซัวต์ตระหนักว่า​เขา​ไม่​อาจ​ใช้​ชีวิตอย่าง​เป็น​สุข​ใน​เมืองแปลกถิ่น ​ ​ท่ามกลางใบหน้า​ ​และ​ตึกรามบ้านช่อง​ซึ่ง​เขา​ไม่​คุ้นเคย​ ​เขา​ถูกหลอกหลอน​ด้วย​กลิ่นแตงกวาดอง​ ​จนตัดสินใจย้ายกลับไป​อยู่​ใน​เมืองที่​เขา​ก่อคดีฆาตกรรม​

ความ​สุขคือการรายล้อมตัวเอง​ด้วย​สิ่ง​ซึ่ง​เราคุ้นเคย​ ​แต่​ไม่​แน่ว่าสิ่ง​ซึ่ง​เราคุ้นเคย​นั้น​ต้อง​รวมเพื่อนมนุษย์​เข้า​ไป​ ด้วย​ ​นักอัตถิภาวนิยมรู้ดีว่าการแขวนตัวเอง​ไว้​กับ​ผู้​คนรอบข้างย่อมนำ​มา​ ซึ่ง​ความ​ทุกข์​ ​ชีวิตของเมอซัวต์​จึง​ตีกลับไปกลับมาระหว่างสันโดษ​ ​และ​โหยหา​เพื่อน​ผู้​รู้​ใจ เมอซัวต์สิ้นลม หายใจ​ใน​อ้อมอก​ผู้​หญิง​ ​ซึ่ง​เขา​ยอมแต่งงาน​ด้วย​ ​เพียง​เพราะ​รู้ว่านั่นคือ​ความ​ปรารถนาของหล่อน​ ​เมื่อ​ถึง​จุดหนึ่ง​ใน​ชีวิต​ ​เมอซัวต์​เลิกยึดติด​กับ​คำ​ว่ารักไป​แล้ว​ ​ความ​ตายของ​เขา​ใช่​ ​"​ความ​ตายอันเปี่ยมสุข" ​ไหม​

นั่นคือคำ​ถาม​ซึ่ง​กามูส์ฝากทิ้ง​ไว้​ให้​คนอ่าน​ ​พวกเราทุกคน

http://en.wikipedia.org/wiki/Erich_Fromm จาก​ The Art of Loving (1956)

0 comments:

Post a Comment

 
ឡើងទៅខាងលើទំព័រ ចុះទៅខាងក្រោមទំព័រ